วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ขั้นตอนการทำขนมหวาน

                                            ขั้นตอนการทำขนมลูกชุบ
'ลูกชุบ' ขนมที่มีรูปร่างและสีสันที่หลากหลาย แปลกตา แต่จะเป็นรูปร่างใด ต้องตามใจผู้ปั้น ซึ่งจะมีขั้นตอนการทำอย่างไรนั้น มีวิธิการทำมาฝากค่ะ...

ลูกชุบ, ขนมไทย


ส่วนผสม
1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1/2 กก.
2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1/2 กก.
4. วุ้นผง 5 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำ 5 ถ้วยตวง

วัสดุที่ต้องใช้
1. กระทะทองเหลือง
2. ไม้พาย
3. ไม้เสียบลูกชิ้น หรือไม้จิ้มฟัน
4. สีผสมอาหาร
5. จานสี
6. พู่กัน

ลงมือเข้าครัว
1. เริ่มจากการล้างถั่วที่เลือกเอาเมล็ดเสียออกแล้วด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง เทน้ำทิ้ง แช่ด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งประมาณ 3-4 ชั่วโมง เทน้ำทิ้งแล้วล้างอีกครั้ง

2. นำถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด

3. นำน้ำตาลและกะทิมาต้มด้วยไฟอ่อนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ในขั้นตอนนี้ควรคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิเป็นลูก

4. นำถั่วที่บดจนละเอียดแล้วใส่ลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆทยอยใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวได้ที่แล้วลงไปทีละน้อย เทไปกวนไปจนหมด ที่สำคัญต้องกวนไปในทางเดียวกัน จนถั่วเริ่มแห้ง ให้หรี่ไฟลง รอจนถั่วเริ่มแห้งและร่อนออกจากกระทะ จึงนำออกมานวดจนเนียน

5. ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการปั้นของแต่ละคน เมื่อปั้นได้รูปแล้ว ก็นำมาเสียบกับไม้จิ้มฟัน หรือไม้เสียบลูกชิ้น ระบายสีตามชอบ

6. ระบายสีเสร็จแล้ว ก็นำไม้ไปเสียบไว้ที่โฟม รอจนสีแห้ง

7. หัมาทำน้ำวุ้นกันบ้าง เริ่มจากนำวุ้นผงและน้ำใส่หม้อคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง หมั่นคนจนวุ้นใส ยกลงทิ้งไว้สักครู่จะมีฟองลอยขึ้นมา ให้ใช้ช้อนตักฟองทิ้ง

8. นำถั่วที่ลงสีแล้วชุบกับวุ้น 1 ครั้ง ปักบนโฟม รอให้แห้ง แล้วจึงชุบครั้งที่ 2 และ 3 เมื่อวุ้นแข็งตัวดีแล้วจึงถอดออกจากไม้จิ้ม ใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

แม้จะดูว่ามีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก แต่หากช่วยกันทำหลายๆ คนแล้ว คงเป็นกิจกรรมที่ดีสำหรับครอบครัวแน่นอน...




                   ขั้นตอนการทำขนมทองหยิบ




ส่วนผสมขนมทองหยิบ

ไข่ไก่ 20 ฟอง
น้ำตาลทราย 1 กก.
น้ำลอยดอกมะลิ 2.5 ถ้วย

สิ่งที่ต้องเตรียม
ถาด, ถ้วยตะไล, ช้อน,ส้อม

วิธีทำ
1.ต่อยไข่ใส่ชาม แยกไข่ขาว ไข่แดง รีดเอาเยื่อออก แล้วตีไข่แดงให้ขึ้นฟู
2.ใส่น้ำตาล น้ำลอยดอกมะลิ ลงในกระทะทอง ตั้งไฟ พอเดือนและมีลักษณะข้น
3.เมื่อน้ำเชื่อมข้นได้ที่ ปิดไฟ ให้น้ำเชื่อมนิ่ง เริ่มตักไข่หยดลงทีละช้อน โดยหยอดนิ่งๆ ปล่อยไข่แดงไหลง แผ่นไข่ก็จะกลม หยอดจนเต็มกระทะ เปิดไฟ ให้น้ำเชี่อมเดือด ลดไฟลง คอยใช้ทัพพีตักน้ำเชื่อมราด พอขนมสุกฟู ใช้ส้อมตักใส่ถาดโดยอย่าให้ทับกัน พออุ่นหยิบเป็นจีบ 5 จีบ ใส่ถ้วยตะไล ทำจนหมด

**หมายเหตุ **
1. ถ้าไม่มีน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ใบเตยต้มกับน้ำเชื่อมแทนก็ได้ เพราะช่วยดับกลิ่นคาวของไข่ได้
2. การตีไข่ ถ้าใช้เครื่องตีไข่จะสะดวกและเร็วกว่าการตีด้วยมือ
3. การแยกไข่ขาวกับไข่แดง ต้องแยกไข่ขาวออกให้หมด เพราะถ้ามีไข่ขาวก็จะทำให้ขนมทองหยิบแข็งกระด้าง ไม่น่ากิน






ขั้นตอนการทำวุ้นแฟนซี




สูตรขนมวุ้นแฟนซี


เวลาในการทำ 40 นาที
ส่วนผสมสำหรับ 20 ถ้วยเล็ก

วัตถุดิบวุ้นแฟนซี

ส่วนหวาน
1. ผงวุ้น 8 ก.
2. น้ำเปล่า 750 มล.
3. น้ำตาลทราย 120 ก.
4. กลิ่นมะลิ 1/2 ชช.
5. สีผสมอาหารแบบน้ำ สีส้ม แดง เขียว อย่างละ ½ ชช.

ส่วนเค็ม
6. ผงวุ้น 3 ก.
7. กะทิ 250 มล.
8. เกลือ 1/2 ชช.

วิธีทำวุ้นแฟนซี

1. นำส่วนผสมส่วนเค็ม ได้แก่ ผงวุ้น กะทิ เกลือ ผสมให้เข้ากัน พักไว้ 5 นาที และนำผงวุ้น น้ำเปล่า คนให้เข้ากันในหม้ออีกใบหนึ่ง พักไว้ 5 นาที
2. ตั้งไฟอ่อนสำหรับส่วนกะทิ และเปิดไฟแรงสำหรับส่วนน้ำเปล่า (หมั่นคนเสมอทั้งสองหม้อ)
3. เมื่อส่วนกะทิเริ่มเดือด เติมเกลือลงไปและคนให้เข้ากัน ปิดแก็สและพักไว้ และเมื่อส่วนน้ำเปล่าเดือด ให้เติมน้ำตาลทราย กลิ่นมะลิ คนให้เข้ากัน พักไว้
4. เทส่วนกะทิใส่ชาม และแบ่งส่วนของน้ำเปล่าให้ได้ 3 ส่วน และผสมสีถ้วยละสี นำถ้วยส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงถาดที่รองด้วยน้ำร้อน
5. ตักกะทิใส่ถ้วยพิมพ์ และสลับสีในแต่ละชิ้นไปเรื่อยๆจนหมด ในการตักแต่ละชิ้นจะต้องพัก 5 นาที ในทุกชั้นเพื่อให้วุ้นแข็งตัว แช่เย็นอย่างน้อย 1 ชม.ก่อนเสิร์ฟ
 


ขั้นตอนการทำขนมครก
ขนมหวานไทย : ขนมครก


+ ส่วนผสมทำตัวแป้ง +
* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
* ข้าวสุก 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
* มะพร้าวขูด 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา
* มันหมูห่อผ้าขาว (เช็ดหลุมเตาก่อนหยอดตัวแป้ง, อาจใช้น้ำมันพืชแทนได้)
* ต้นหอมซอย, เมล็ดข้าวโพด, เผือก, ฟักทอง (สำหรับโรยหน้าขนมครก)
+ ส่วนผสมทำกะทิหยอดหน้า +
* หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
* เกลือป่น 1 ช้อนชา

                          ทำทีละขั้นตอน
1. ทำตัวแป้งก่อน โดยเอาข้าวสารซาวให้สะอาด ผสมกับข้าวสุก, แป้งข้าวเจ้า, มะพร้าว และเกลือ ใส่กาละมังพักไว้
2. ต้มน้ำให้เดือด แล้วเอามาผสมในกาละมังที่ใส่ส่วนผสมไว้ ใช้ไม้พายคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันทั่ว
3. ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาไปโม่ก็จะได้แป้งขนมครกตามต้องการ
4. ทำกะทิหยอดหน้าโดยผสมหัวกะทิ, น้ำตาลทรายและเกลือป่นเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วพักไว้
5. วิธีทำ นำกระทะหลุมที่เตรียมไว้ตั้งไฟจนร้อนได้ที่ จึงเช็ดหลุมด้วยน้ำมันจากนั้นจึงหยอดแป้งลงไป (อย่าหยอดจนเต็ม เพราะต้องหยอดหน้ากะทิภายหลัง) ปิดฟาทิ้งไว้จวนสุกจึงเปิดฝาออกและหยอดด้วยหน้ากะทิที่เตรียมไว้ ถ้ามีต้นหอมหรืออย่างอื่นเพิ่มเติมก็โรยลงบนหน้ากะทิ ปิดฝารอสักพักจนสุกจึงแคะออก ควรทานขณะร้อนจะรสชาตดีกว่าทิ้งไว้จนเย็น



    ขั้นตอนการทำขนมทับทิมกรอบ


    สูตรทับทิมกรอบ


    ทับทิมกรอบนั้นนิยมใช้แห้วทำเนื่องจากจะมีความหวานมันในตัว แต่ถ้าหาแห้วสดไม่ได้ จะใช้แห้วกระป๋องแทนก็ได้ นอกจากแห้วแล้ว แป้งท้าวยายม่อมเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้แห้งติดแล้วได้นาน ขณะที่นำแล้วไปต้ม อย่าให้น้ำเดือดมาก แป้งจะหลุดหมด สีที่ใช้นอกจากจะใช้น้ำหวานสีแดงแล้ว จะใช้สีเหลืองหรือสีเขียวก็ได้ วิธีทำเช่นเดียวกัน


    ส่วนผสมทับทิมกรอบ

    1.แห้วจีนดิบ หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หรือแห้วกระป๋อง 1 ถ้วยตวง
    2.น้ำหวานสีแดง 1/2 ถ้วยตวง
    3.แป้งมัน 1 ถ้วยตวง
    4.แป้งท้าวยายม่อม ป่นละเอียด 1/4 ถ้วยตวง


    ส่วนผสมน้ำเชื่อมสำหรับทับทิมกรอบ
    1.น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วยตวง
    2.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง

    ส่วนผสมน้ำกะทิทับทิมกรอบ
    1.หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
    2.เกลือป่น 1 ½ ถ้วยตวง
    3.ขนุนหั่นเล็กๆ สั้นๆ ¼ ถ้วยตวง

    วิธีทำทับทิมกรอบ
    1. แช่แห้วในน้ำหวานสีแดง พักไว้ประมาณ 30 นาที
    2. ผสมแป้งมันกับแป้งท้าวยายม่อม ให้เข้ากัน
    3. กรองแห้วด้วยกระชอนให้สะเด็ดน้ำ นำไปคลุกในแป้งข้อ 2. ให้ทั่ว พักไว้ 5- 10 นาที
    4. เมื่อน้ำต้มพอเดือด นำแห้วที่คลุกแป้งแล้วลงต้มพอสุกลอยตักขึ้น พักไว้ในน้ำ เย็น
    5. ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ แช่ในน้ำเชื่อม

    วิธีทำน้ำเชื่อมทับทิมกรอบ

    1.ผสมน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทราย ตั้งไฟกลาง เคี่ยว 5 นาที ใส่ขนุน
    2.เคี่ยวต่ออีก 5 นาที ยกลงทิ้งให้เย็น นำไปอบควันเทียน 20 - 30 นาที

    วิธีทำน้ำกะทิทับทิมกรอบ1.ผสมหัวกะทิกับเกลือใสหม้อตั้งไฟกลาง ประมาณ 2 นาที ยกลง
    2.เมื่อจะเสิร์ฟตักทับทิมใส่ถ้วย ใส่น้ำเชื่อม น้ำแข็งก้อนเล็กๆ ราดด้วยน้ำกะทิ นอกจากจะนิยมใส่ขนุนลงไปแล้ว ยังนิยมใส่มะพร้าวกะทิลงไปด้วย ทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้น